สกิมฉาบผนัง
สกิมผนังหรือสกิมโค้ท เป็นอีกส่วนสำคัญ ในการซ่อมแซมบ้าน หรือปรับผนัง ให้มีความเรียบเนียน โดยทำการฉาบสกิมผนัง แล้วทาสีทับ ในขั้นตอนต่อไป การสกิมผนัง ก็เหมือนครีมรองพื้น ของสาวๆนั้นแหละครับ ซึ่งสามารปล่อยเปลือยโดยไม่จำเป็นต้องทาสีทับ ในแบบลอฟท์สไตล์ หรือจะฉาบสกิมผนัง แล้วทาสีทับ โดยสามารถทาสีทับ ด้วยสีที่เพื่อนๆชอบได้เลย และยังสามารถ ปิดทับลอยแตกร้าว ของพื้นผนัง ให้เรียบเนียนได้อีกด้วย
ข้อดีของการ สกิมผนัง มีอะไรบ้าง
1.สามารถฉาบผนัง ให้เรียบเนียนพื้นผนัง ไม่สากซึ่งสามารถปกปิดผิวผนัง ที่มีส่วนผสมของปูน ก่อผนังได้อย่างดี
2.ช่วยปกปิดร่องรอยผนัง ที่มีรอยแตกร้าว และเก็บรอยแตกร้าวได้อย่างเรียบเนียน เหมือนก่อผนังขึ้นมาใหม่
3.สามารถเพิ่มความแข็งแรง ให้กับผิวผนังชั้นในได้ โดยไม่ทำให้พื้นผนังชั้นนอก หลุดล่อนได้ง่าย
คุณสมบัติของการ สกิมผนัง
1.เพิ่มพื้นผิวผนังให้เรียบเนียน
วัสดุของสกิม คือซีเมนต์ แต่มีความเรียบเนียนกว่าปูนฉาบ หรือกาวซีเมนต์ทั่วไป ซึ่งซีเมนต์สกิมผนัง จะเป็นเหมือนผงแป้ง มีความเบาบางกว่า และไม่มีผิวที่หยาบ และมีความยืดหยุนสูง และยังเป็นวัสดุ ที่ไม่เป็นภัย กับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
2.สามารถปรับแต่งตามความเหมาะสมได้
การปรับแต่งซีเมนต์สกิมผนัง คือเราสามารถปล่อยเปลือย โดยไม่จำเป็นต้องทาสีทับได้ สำหรับเพื่อนๆหลายคนที่นิยมแต่งบ้าน ให้มีความเป็นลอฟท์สไตล์ และยังสามรถแต่งผิวสกิมผนังได้อีกด้วย โดยสามารถทาสีทับปรับแต่งตามต้องการได้เลย ถ้าชอบสไตล์มินิมอล ก็สามารถทาสีอ่อน หรือสีขาวทับหลังสกิมผนังได้ หรือทาสีทับผนังชั้นนอกในสไตล์อื่นๆได้อีกด้วยเช่นกัน ซึ่งการใช้ซีเมนต์สกิมผนัง จะช่วยให้พื้นผิวภายนอก มีความสมูท และเรียบเนียนกว่าไม่ได้ฉาบซีเมนต์ สกิมผนังรองพื้น
3.ลดปริมาณการใช้สีทาพื้นหรือผนังได้
ซีเมนต์สกิมผนัง ซึ่งมีสี ให้เลือกใช้ อยู่สองสี สีขาว และสีเทา จึงไม่จำเป็นต้องทาสีทับ หลังฉาบสกิมผนังได้ จึงสามารถ เซฟงบประมาณ ในการปรับแต่งบ้าน หรืออาคารได้ หรือถ้าต้องการทาสีทับ ก็ยังสามารถ ประหยัดการใช้สีได้ประมาณ 20% ซึ่งพื้นผนัง ได้ถูกปรับให้เรียบเนียน ด้วยการสกิมผนังแล้วการทาสี ในชั้นนอกก็ไม่จำเป็นต้องลงสีในปริมาณที่มากกว่า การทาสีทับอย่างเดียว
ขั้นตอนของการสกิมผนัง
1.ตรวจสอบรอยแตกร้าว
ซึ่งการซ่อมแซมผนัง ข้อสำคัญ และจำเป็นอย่างหนึ่งคือ การสำรวจพื้นที่ และหาร่องรอยส่วนที่มีการทรุดตัว หรือแตกร้าวในลักษณะ ที่ไม่มากจนเกินไป หรือถึงโครงสร้างข้างใน
2.ผสมสกิมผนังหรือสกิมโค้ด
ในอัตราส่วนของการผสมคือ ซีเมนต์สกิม 2.3 – 2.5 กิโลกรัม ผสมน้ำหนึ่งลิตรโดยประมาณ โดยให้ผสมน้ำเข้าไป ทีละนิด จนรู้สึกว่าพอดีกับการฉาบ ซึ่งจะไม่เหลวจนเกินไป หรือข้นจนเกินไป ซึ่งจะทำการฉาบได้ยาก
3.เตรียมพื้นที่ให้พร้อม
การเตรียมพื้นที่ให้พร้อม คือการปรับแต่งทำความสะอาด ไม่ให้มีสิ่งสกปก หรือฝุ่นผง ที่ผนังจนทำให้การฉาบผนัง มีความยาก และหลุดร่อนได้ง่าย
4.ฉาบตามพื้นที่ๆแตกร้าว
หลังจากทำความสะอาดพื้นผนังที่มีรอยแตกร้าวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการฉาบสกิมผนัง ให้มีความเรียบเนียน ซึ่งสามารถค่อยๆฉาบ ให้มีความเนียน และสม่ำเสมอกัน ซึ่งการฉาบผนัง ในครั้งนี้ สามารถฉาบสกิมผนัง ให้มีความหนาได้อย่างน้อย 0.3-3 มม.
5.ขัดผิวสกิมผนังให้เรียบเนียน
ซึ่งสามารถขัดผิวผนังด้วยกระดาษทราย แล้วค่อยๆพรมน้ำ แล้วขัดผนังเพื่อไม่ให้พื้นผนังหลุดร่อนได้ง่าย ซึ่งหลังจากขัดให้มีความเรียบเนียนแล้ว ก็สามารถปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง โดยประมาณ 1 วันจึงสามารถปล่อยเปลือย หรือทาสีทับได้ในลำดับต่อไป
เราเป็นมากว่าผู้รับเหมาทั่วไป เพราะเรามีความชำนาน และความโดดเด่นที่เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใครในหลากหลายสไตล์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เราไม่อยากให้ท่านเสียเวลาเปล่า กับผู้รับเหมาทั่วไปที่ไม่มีความรับผิดชอบทิ้งงาน และไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ แต่ถ้าลูกค้าต้องการที่จะหาผู้รับเหมาที่ดีและมีประสบการณ์มีความชำนาน และมีทีมงานจากหลายๆฝ่ายละก็ สามารถทักหาเราได้เลย
ติดต่อเรา
หรือโทรติดต่อได้ที่เบอร์
☎️ TEL : 098-016-1989