วัสดุก่อสร้าง หารครึ่ง - รับรีโนเวทบ้าน รับออกแบบภายใน รับออกแบบบ้าน (บริการครบจบไม่ทิ้งงาน)

วัสดุก่อสร้าง หารครึ่ง ไม่เหมือนที่ตกลงกันไว้ สำหรับคนที่อยากสร้างบ้าน แต่กลัวว่าผู้รับเหมาจะโกงวัสดุ “วัสดุราคาถูกคุณภาพย่อม” ไม่มีคุณภาพ

วัสดุก่อสร้างหารครึ่ง ไม่เหมือนกับตอนที่ตกลงกันไว้เลย ควรแก้เผ็ดผู้รับเหมาอย่างไร

สำหรับคนที่อยากสร้างบ้าน แต่กลัวว่าผู้รับเหมาจะโกงวัสดุ “วัสดุราคาถูกคุณภาพย่อม” ยิ่งวัสดุราคาถูกมากเท่าใด ผู้รับเหมาย่อมได้กำไรเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น หากเราต้องการจะปิดโอกาสไม่ให้ผู้รับเหมาโกง วัสดุก่อสร้าง เราจะต้องเป็นคนจัดซื้อจัดหา วัสดุก่อสร้าง เอง แน่นอนว่าราคาจ้างเหมาก่อสร้างที่เราจะต้องจ่ายให้ผู้รับเหมาจะน้อยลง แต่จะต้องแบ่งสันปันส่วนไปซื้อ วัสดุก่อสร้าง “ตามแบบแปลนที่วิศกรออกแบบและกําหนดไว้

“แต่แหม…” เราบางคนก็ไม่มีความรู้เรื่องวัสดุก่อสร้างสักเท่าไหร่ แม้จะซื้อตามรายการประกอบแบบที่วิศวกรเขาคิดให้ก็ตาม แต่ก็กลัวว่าจะมีปัญหา ซื้อผิดแบบ ผิดขนาด มีปัญหาตามมาภายหลัง “ซื้อของมาไม่ถูก บ้านจะเสร็จทันเวลาได้ยังไง” เสียงบ่นผู้รับเหมา อันที่จริง ถ้ารายการประกอบแบบกำหนดขนาดลักษณะ และคุณภาพวัสดุก่อสร้างทุกชนิดอย่างถูกต้อง แล้วเราคัดลอกรายการตามนั้นแบบ “เป๊ะๆ” ก็ไม่มีทางที่เราจะซื้อผิดแบบผิดขนาด “แต่ก็นั่นอีกล่ะบางคนไม่มีเวลาไปใส่ใจหรือสนใจในเรื่องแบบนั้น คนช่วยก็ไม่มี คนปรึกษาก็ไม่มี“ไม่ต้องพูดถึงผู้รับเหมา พอเราไม่ให้เหมาค่าวัสดุก่อสร้างด้วย ถามอะไรมันก็ไม่อยากจะตอบ” พูดอยู่อย่างเดียว “ไหนล่ะ ซื้อมาพอใช้มั้ย” แล้วพอผู้รับเหมาไม่ได้ซื้อวัสดุก่อสร้าง เอง ก็ใช้วัสดุแบบสุรุ่ยสุร่ายไม่ระมัดระวัง ไม่มีความประหยัด

“ปูนหมดแล้ว กระเบื้องหมดแล้ว สั่งมาเพิ่มอีกครับ” นี่คือปัญหาที่พอจะคาดเดาได้ก่อน ของการที่เจ้าของบ้านรับว่าจะเป็นผู้จัดซื้อจัดหาวัสดุก่อสร้างเองบางคนก็ห่วงเรื่องราคา “กลัวว่าจะซื้อวัสดุในราคาแพงเกินไป” พอหันไปปรึกษาผู้รับเหมา ก็จะได้รับคำปรึกษาว่า “ผมมีโกดังเก็บวัสดุก่อสร้าง ซื้อที่เป็นสองสามคันรถ ซื้อมากเท่าไหร่ราคาก็ยิ่งถูกลงเท่านั้น เชื่อผม ผมซื้อของพวกนี้ไปนั่น) ส่วนใหญ่แล้วผู้รับเหมามักจะไม่มีการสต๊อกวัสดุก่อสร้าง ยกเว้นบริษัทได้ถูกจริงๆ เพราะซื้ออยู่เป็นประจำ แถมร้านวัสดุขายก็เป็นญาติกันอีกด้วย” (ว่ารับเหมาก่อสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ ที่พวกเขาจะสต็อกปูน เหล็กรูปพรรณ และเหล็กประกอบรวมถึงสุขภัณฑ์ต่างๆ เอาไว้ใช้งาน โดยคำนวณให้เหมาะสมกับจำนวนงานที่รับไว้ ป้องกันไม่ให้ทุนจม” เพราะถ้าซื้อล็อตใหญ่ๆ จำนวนมากๆ จะสามารถซื้อในราคาต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป แต่ผู้รับเหมาส่วนใหญ่จะใช้วิธีการซื้อวัสดุก่อสร้างด้วยระบบเครดิต

“ถ้าเครดิตดีก็เครดิตได้ตลอด แต่ถ้าเครดิตเสียกต้องเปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ แล้วถามว่าซื้อสินค้าเงินสด กับซื้อสินค้าเงินผ่อน ซื้อแบบไหนจะได้ราคาถูกกว่ากัน “ลองคิดดูนะ

เครดิตวัสดุก่อสร้างของผู้รับเหมา

ผู้รับเหมาที่การเงินไม่คล่องตัว พวกเขาจะใช้เครดิตซื้อวัสดุก่อสร้างจากร้านที่สนิทคุ้นเคยกันดี “มีผู้รับเหมาน้อยรายที่ได้เครดิตจากห้างขายวัสดุก่อสร้างโกลบอลเฮ้าส์ ไทวัสดุ ดูโฮม โฮมฮับ ฯลฯ” เพราะการจะได้เครดิตจากห้างวัสดุก่อสร้างใหญ่ๆ จะต้องมีกิจการที่มั่นคง มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือแบงค์การันตีหรือไม่ก็เคยทำธุรกิจร่วมกันมานานนับสิบปี “จนไว้ใจกันได้” เช่นนั้น ผู้รับเหมาส่วนใหญ่มักจะได้เครดิตกับร้านขายวัสดุก่อสร้างที่เปิดขายตามท้องตลาด โดยอาจตกลงกันว่า จะชำระค่าวัสดุก่อสร้างเมื่องานสร้างบ้านแล้วเสร็จ นั่นหมายถึงเงินก้อนใหญ่ของงานงวดสุดท้ายหลังจากส่งมอบบ้านเรียบร้อยแล้ว หรืออาจแบ่งจ่ายทุกเดือนหลังจากได้รับค่าจ้างในแต่ละงวด บ้านบางหลัง 3 เดือน บางหลัง 5เดือน บางหลัง 7 เดือนกว่าจะเสร็จ เช่นนั้น ลองคิดดูว่า “เซ็นของเขาไป 5 เดือนผู้รับเหมาสั่งซื้อเหล็กกล่อง 40 ท่อน โดยใช้เจ้าของร้านเขาจะคิดราคาเท่าไหร่”เครดิต แต่เจ้าของบ้านซื้อเองโดยใช้เงินสด ซื้อแบบไหนจะได้ราคาถูกกว่ากัน แน่นนอนว่าใครๆ เขาก็ต้องชอบเงินสดกันทั้งนั้น ดังนั้นซื้อของเงินสดย่อมจะได้ราคาที่ถูกกว่าเงินเข็น (เครดิต)

ออกจากร้าน” ส่วนใหญ่ผู้รับเหมาที่ใช้วิธีแบบนี้จะตกอยู่ในสภาพ “ถังแตก” เช่นโดยเฉพาะผู้รับเหมาบางราย ที่ใช้รูปแบบการหมุนเงินหมุนวัสดุใช้เครดิตวัสดุก่อสร้างไปมาก ถ้าไม่เอาเงินไปจ่ายของเก่าก่อน ห้ามเอาของใหม่นั้น เงินมัดจำ หรือเงินที่ออดอ้อนเอามาจากลูกค้าได้ จึงหมายถึง “เงินต่อชีวิตของผู้รับเหมาส่วนน้อยที่ถังแตก!!!” ได้งานใหม่หมายถึงได้เงินมัดจำ เมื่องานเก่ายังไม่เสร็จเพราะใช้เครดิตวัสดุไม่ได้ “เกินลิมิต” หากได้เงินมัดจำลูกค้ารายใหม่มา ผู้รับเหมาก็จะเอาเงินก้อนนั้นไปใช้หนี้ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ในจำนวนที่เพียงพอกับวัสดุรายการใหม่ เพื่อนำไปดำเนินการก่อสร้างให้ลูกค้ารายเก่าให้แล้วเสร็จลูกค้ารายใหม่ก็ต้องรอจนกว่าผู้รับเหมาจะสร้างบ้านให้ลูกค้ารายเก่าเสร็จเสียก่อน

* เพราะ*

ผู้รับเหมาจึงจะมีเงินไปจ่ายร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และสามารถเครดิตวัสดุก่อสร้างรายการใหม่ไปดำเนินการกับลูกค้ารายใหม่ได้ “ผู้รับเหมาประเภทนี้ ใครจะอยากจ้างมาสร้างบ้านแต่เราไม่ได้รู้เรื่องตื้นลึกหนาบางอะไรกับเขา คนประเภทนี้หน้าฉากจะสวยหรู พูดจาหว่านล้อมเก่ง หรือไม่ก็พูดแบบขวานผ่าซากไม่ง้อใคร “ภายนอกเหมือนไม่ง้อลูกค้าเจ้าของบ้าน แต่ในใจลุ้นเสียจนแทบเล็ด” อันนี้เคยอธิบายลักษณะของผู้รับเหมาประเภทต่างๆ ไว้แล้ว ใน “รู้ทันผู้รับเหมา” เล่มแรก ลองไปหาอ่านวัสดุก่อสร้างหารครึ่ง “ไม่เหมือนกับตอนที่ตกลงกัน

ศึกษาดู จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้รับเหมาหน้าเลือด เห็นแก่ตัว จำนวนเล็กน้อยที่ปะปนอยู่ในวงการผู้รับเหมาชั้นดีของเมืองไทยง่ายๆ แต่เพราะคนเราไม่ได้เขียนบอกนิสัยใจคอไว้บนหน้าผาก เช่นนั้น เราในฐานะผู้ว่าจ้าง “เจ้าของบ้าน” จะต้องมีการสืบประวัติผลงานที่ผ่านมาของผู้รับเหมา บ้านที่เขาเคยสร้าง งานก่อสร้างที่เขาเคยทำ ถ้ารู้สึกถึงขนาดว่าผู้รับเหมาไปเครดิตวัสดุก่อสร้างร้านไหน “เรายิ่งมีข้อมูลในเรื่องของคุณภาพและราคาวัสดุไว้แย้งกับผู้รับเหมา

นอกจากนี้ยังมีผู้รับเหมาประเภท “หน้าด้าน” หมุนวัสดุก่อสร้างไปหน้างานที่มีปัญหา เช่น ได้เงินมัดจำจากรายหนึ่ง แล้วสั่งวัสดุก่อสร้างมากองไว้ที่หน้างาน “ให้ลูกค้าตายใจ” แล้วขนย้ายวัสดุไปยังหน้าอื่นๆ เพราะโดนลูกค้าโวยว่าไม่ลงมือทำการก่อสร้างสักที ขุดหลุมเสาไว้จนกลายเป็นบ่อน้ำ ไม้แบบไว้จนไม้กรอบแห้ง กว่าจะได้เงินไปซื้อวัสดุก่อสร้างเพื่อดำเนินการให้ลูกค้าที่ “ตายใจ” ก็คงต้องสร้างบ้านหลังที่ลูกค้าโวยให้เสร็จ “ตอกเสาเข็ม ฐานราก คานคอดิน

วัสดุก่อสร้าง “กินอย่างไร?

ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในเรื่องของวัสดุก่อสร้างก็คือ 1) ถ้าเจ้าของบ้านเป็นผู้จัดซื้อจัดหาวัสดุเอง ผู้รับเหมาจะใช้วัสดุอย่างไม่ระมัดระวัง (สุรุ่ยสุร่าย) 2) ถ้าให้ผู้รับเลยมาจัดซื้อจัดหาวัสดุเอง (เหมาหมด) ผู้รับเหมาก็จะกินเรียบ “อิฐ หิน” กินเสียจนกระเพาะทะลุ โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างที่กำหนดในที่มีราคาแพง “แล้วผู้รับเหมากินวัสดุก่อสร้างอย่างไรเหมากินอร่อยที่สุด เช่น สายไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องแน่นอนว่าวัสดุก่อสร้างนั้นจะมีคุณภาพหลายเกรดคาแพง คุณภาพรองลงมาราคาก็ลดลงตามเกรด อย่างตามแบบระบุให้ใช้สายไฟ Bangkok Cable หรือสายไฟยี่ห้ออะไรไม่รู้จักมาใช้ติดตั้งระบบไฟฟ้า อันนี้ถ้าเข้าไปตรวจสอบ “ผู้รับเหมาก็กินของหวานชุ่มคอไป

นอกเหนือจาก Thai Yazaki หรือ Bangkok Cable จะว่าจะเปรียบเทียบราคาสายไฟ ยกตัวอย่างสายไฟขนาด 2X 2.5 SQ.mm. ของ Thai Yazaki ม้วนละประมาณ 1,987 บาท ของ BangkokCable ม้วนละประมาณ 1,935 บาท (ต่างกันแค่ 52 บาท) แล้วสายไฟขนาด 2.5SQ mm ทั้งแบบแกนเดี่ยวหรือแกนคู่ หากใช้เดินติดตั้งระบบไฟฟ้า จะต้องใช้จำนวนมากเพราะส่วนใหญ่ใช้เดินสายปลั๊กทั้งหลัง และอาจรวมถึงระบบแสงสว่างด้วย หากผู้รับเหมาสามารถเล่นกลเอาสายไฟยี่ห้ออื่นมาใช้แทนได้ พวกเขาจะมีกําไรเพิ่มขึ้นคิดเป็นม้วนละ 300-400 บาท เลยทีเดียว

เราเป็นมากว่า ผู้รับเหมา ทั่วไป เพราะเรามีความชำนาน และความโดดเด่น ที่เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ในหลากหลายสไตล์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เราไม่อยากให้ท่านเสียเวลาเปล่า กับผู้รับเหมาทั่วไปที่ไม่มีความรับผิดชอบ ทิ้งงาน และไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ แต่ถ้าลูกค้าต้องการที่จะหาผู้รับเหมาที่ดี และมีประสบการณ์ มีความชำนาน และมีทีมงานจากหลายๆฝ่ายละก็ สามารถทักหาเราได้เลย เพื่อที่เราจะได้ปรึกษา และให้คำแนะนำแก่ท่านได้ เพราะเราเชื่อว่าลูกค้า เป็นเหมือนพี่น้อง เราจึงให้ความสำคัญ และใส่ใจในการดูแลในแบบฉบับครอบครัว เชื่อมั่นในบริษัทเรา และไว้ใจเราแล้วคุณจะได้ประสบการณ์ การออกแบบ ก่อสร้าง หรือ รีโนเวท ทั้งบ้านและอาคารโดยที่คุณจะไม่ผิดวังแน่นอน (บริการครบจบ ไม่ทิ้งงานแน่นอนรับประกัน)