เหล็กกล้า หมายถึงโลหะผสมที่มีธาตุเหล็กเป็นส่วนผสมหลัก
เมื่อเปรียบเหล็กกล้ากับเหล็กหล่อแล้ว เหล็กกล้าจะมีปริมาณส่วนผสมของคาร์บอนน้อยกว่า แต่ในเหล็กเหนียวหรือเหล็กท่อแป๊บจะมีคาร์บอนผสมอยู่มากกว่า โดยมีค่าคุณสมบัติความแข็งแรง ความแข็ง และความยืดหยุ่นแปรเปลี่ยนตามส่วนผสมของแร่ธาตุและกระบวนการให้ความร้อน เหล็กกล้าถูกนำมาใช้ทั้งในงานโครงสร้างหนักและงานโครงสร้างเบา
รวมถึงงานส่วนประกอบอื่นๆ ของอาคาร เช่น หน้าต่าง ประตู เคหะภัณฑ์ และอุปกรณ์ยึดต่างๆ ในแง่ของงานโครงสร้างเหล็กจะรวมเอาคุณสมบัติความแข็งแรงและความเหนียวที่มีความยืดหยุ่นเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อพิจารณาถึงน้ำหนักต่อปริมาตรแล้ว เหล็กอาจจะเป็นวัสดุก่อสร้างที่แข็งแรงที่สุดในบรรดาวัสดุก่อสร้างราคาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเหล็กจะถูกจัดประเภทให้เป็นวัสดุที่ไม่ติดไฟ (incombustible material) แต่เหล็กจะสูญเสียกำลัง ความแข็งแรง และจะอ่อนตัวเมื่อถูกความร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,000°F (520°C)
ดังนั้นเมื่อต้องใช้เป็นส่วนของโครงสร้างอาคารที่ต้องการทนไฟ ควรทาหรือหุ้มเคลือบด้วยวัสดุป้องกันและทนไฟ และเนื่องจากเหล็กอาจเกิดสนิมและผุกร่อนได้ง่าย จึงจำเป็นต้องทาสี ชุบสังกะสี หรือให้ผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อป้องกันการกัดกร่อน
• เหล็กกล้าคาร์บอน จะมีส่วนผสมของตะกอนธาตุคาร์บอน แมงกานีส ฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์ และซิลิโคนที่จำกัดการเพิ่มปริมาณส่วนผสมของคาร์บอน จะทำให้เหล็กกล้ามีกำลังและความแข็งเพิ่มขึ้น แต่จะทำให้มีความเหนียวและความสามารถในการเชื่อมติดลดลง
• เหล็กกล้าผสมหมายถึง เหล็กกล้าที่เดิมหรือผสมธาตุโลหะอื่นเข้าไปเพื่อให้เหล็กมีคุณสมบัติทางเคมีหรือมีลักษณะทางกายภาพเป็นไปตามที่ต้องการ เช่น ผสมด้วยโครเมียม โคบอลต์ ทองแดง แมงกานีส โมลิบดีนัมนิกเกิล ทังสเตน และแวเนเดียมในปริมาณแบบต่างๆ
เหล็กอื่นที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร ได้แก่
• เหล็กหล่อ มีความแข็งแต่เปราะ เป็นเหล็กผสมที่มีธาตุเหล็กเป็นส่วนผสม ทำให้มีคุณสมบัติไม่อ่อนตัวเนื่องจากมีปริมาณคาร์บอนผสมอยู่ 2.0 ถึง 4.5% และซิลิโคนผสมอยู่ 0.5 ถึง 3% โดยทำการเทเหล็กหลอมในแบบ เคลือบผิวด้วยทรายทำเป็นรูปร่างและเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ เช่น ท่อ อุปกรณ์เคหภัณฑ์ต่างๆ
• เหล็กหล่ออ่อน จะถูกให้ความร้อนเพื่อหลอมและเปลี่ยนปริมาณคาร์บอนไปเป็นแกรไฟต์ หรือกำจัดคาร์บอนออกจนหมดเพื่อให้เกิดมีคุณสมบัติการอ่อนตัว
• เหล็กเหนียวหรือเหล็กท่อแป๊บ เป็นเหล็กแข็ง เหนียวมีลักษณะอ่อนตัว ทำจากการหล่อ มีเส้นใยเป็นส่วนประกอบทางโครงสร้างโดยมีปริมาณคาร์บอน 0.2%และกากแร่โลหะหลอม
• เหล็กชุบสังกะสีคือ เหล็กที่ถูกนำไปชุบสังกะสีเพื่อป้องกันสนิม
• เหล็กกล้าละมุนหรือเหล็กเนื้ออ่อน จะมีส่วนผสมของคาร์บอนต่ำคือ 0.15 ถึง 0.25%เหล็กเนื้อปานกลาง จะมีส่วนผสมของคาร์บอนอยู่ประมาณ 0.25 ถึง 0.45% ซึ่งเหล็กโครงสร้างส่วนใหญ่จะเป็นเหล็กเนื้อปานกลางโดยมีความแข็งแรงถึงจุดคราก 36,000 psi(248,220 kPa) ตามาตรฐาน ASTM A36
• เหล็กเนื้อแข็ง จะมีส่วนผสมของคาร์บอนสูงคือประมาณ 0.45 ถึง 0.85%
• เหล็กสปริงจะมีส่วนผสมของคาร์บอนสูงมาก คือประมาณ 0.85 ถึง 1.8%
• เหล็กสแตนเลส (เหล็กปลอดสนิม) จะมีส่วนผสมของโครเมียม 12% บางครั้งก็เพิ่มส่วนผสมธาตุโลหะอื่น เช่น นิกเกิลแมงกานีส หรือโมลิบดีนัม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อน
• เหล็กผสมกำลังสูง จะมีส่วนผสมของคาร์บอนต่ำ และมีส่วนผสมของอัลลอยน้อยกว่า 2%ของส่วนประกอบทางเคมีเฉพาะที่ทำให้เกิดความแข็งแรง ความเหนียว และความทนทานต่อการสึกกร่อน โดยมีความแข็งแรงถึงจุดคราก 50,000 psi (344,750 kPa)ตามาตรฐาน ASTM A572
• เหล็กอาบออกไซด์ เป็นเหล็กกำลังสูงผสมอัลลอยต่ำ โดยการเคลือบผิวเหล็กด้วยออกไซด์เพื่อป้องกันความชื้นไม่ให้เกิดการกัดกร่อนหรือเป็นสนิม การก่อสร้างโครงสร้างด้วยเหล็กอาบออกไซด์ควรคำนึงถึงรายละเอียดของส่วนต่อการยึดและสัมผัส เพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุเคลือบหรือออกไซด์ที่อาจถูกชะล้างด้วยน้ำฝนไปทำให้วัสดุหรือโครงสร้างส่วนที่อยู่เกิดความปนเปื้อน
• เหล็กทังสเตนเป็นเหล็กผสมที่มีส่วนผสมของทังสเตน 10 ถึง 20% เพื่อเพิ่มคุณสมบัติความแข็ง และความสามารถในการกักเก็บความร้อนที่อุณหภูมิสูงๆ
เราเป็นมากว่าผู้รับเหมาทั่วไป เพราะเรามีความชำนาน และความโดดเด่นที่เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใครในหลากหลายสไตล์เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เราไม่อยากให้ท่านเสียเวลาเปล่า กับผู้รับเหมาทั่วไปที่ไม่มีความรับผิดชอบทิ้งงานและไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ แต่ถ้าลูกค้าต้องการที่จะหาผู้รับเหมาที่ดีและมีประสบการณ์มีความชำนานและมีทีมงานจากหลายๆฝ่ายละก็ สามารถทักหาเราเพื่อที่เราจะได้ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่ท่านได้ เพราะเราเชื่อว่าลูกค้าเป็นเหมือนพี่น้องเราจึงให้ความสำคัญและใส่ใจในการดูแลในแบบฉบับครอบครัว
ติดต่อเรา
หรือโทรติดต่อได้ที่เบอร์
☎️ TEL : 098-016-1989